นอกจากการพัฒนาบุคคลากรโดยอาศัยการจัดกิจกรรมมวอล์คแรลลี่ Walk Rally แล้วนั้น ในส่วนของ การ บรรยายพิเศษโดย อาจารย์ และวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิและมีชื่อเสียงหลายๆท่านนี้ สามารถนำไปปรับให้เข้ากับวิถีชีวิต วิถีการทำงานรวมทั้งปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรนั้นๆได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
www.วอล์คแรลลี่.com จึงขออนุญาตนำรายละเอียดประวัติและผลงาน อาจารย์ วิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อสะดวกในการดำเนินการติดต่อประสานงานสำหรับการจัดประชุมสัมมนา และ การจัดกิจกรรม TALK SHOW ในวาระโอกาสต่างๆ เพื่อให้การพัฒนาบุคคลากรเป็นไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ทุกๆด้าน ดังนี้
อาจารย์ วิทยากร บรรยายพิเศษ และ Talk Show |
|
 |
|
|
ชื่อ-นามสกุล |
รองศาสตราจารย์สุขุม นวลสกุล |
|
|
โทรศัพท์
|
02-5387236 : 02-5396485
คุณกาญจนา เลขาฯ |
|
|
คุณวุฒิ |
รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Master of Science [government & Sociology]
Texas A & I University
ประกาศนียบัตรสงครามจิตวิทยา
สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง บก.สส. |
|
|
|
อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง (๒ สมัย)
เคยเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์)
ลาออกจากราชการก่อนเกษียนเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๒
ตามโครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิต หรือ Early Retire
ปัจจุบันเป็นวิทยากรอิสระ รับบรรยายในสถาบันราชการ
รัฐวิสาหกิจ และเอกชนหลายแห่ง |
|
|
|
|
ผลงานทางวิชาการ |
|
|
เล่นกับคน
แม่ไม้นักบริหาร
ทีเด็ดหัวหน้า
ปากเป็นเอก
คารมเป็นต่อ
สนุกกับชีวิตพิชิตงาน
เพลินกับงานสำราญกับชีวิต ฯลฯ |
|
|
 |
|
|
ผมเป็นเด็กปักษ์ใต้คนจังหวัดยะลา เกิดมานานแล้ว ( พ.ศ. ๒๔๘๖ ) พ่อเป็นนักปกครองมีบรรดาศักดิ์เป็น "คุณหลวง" เคยเป็นนายอำเภอตั้งแต่สมัยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ( ๒๔๗๕ ) และเป็นนายกเทศมนตรี ในยุคประชาธิปไตย แม่ของผมแม้จะเป็น "คุณนาย" แต่มีอาชีพขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด จนภายหลังทั้งพ่อและแม่กลายเป็นนักธุรกิจที่ดินที่มีบ้านอาคารพาณิชย์ขายและให้เช่ามากมาย
ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวใหญ่มีพี่น้อง ๘ คน ชาย ๔ หญิง ๔ ผมเป็นคนท้ายสุดของครอบครัว พ่อและแม่เป็นผู้มีวิสัยทัศน์จึงส่งลูกๆ มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ เสียตั้งแต่เด็ก ผมจึงกลายเป็นคนปักษ์ใต้ที่แหลงใต้ไม่ชัดเหมือนคนอื่น สมัยเด็กๆเรียนโรงเรียนประจำเกือบตลอด จบชั้นเตรียมอุดมที่อัสสัมชัญ
จบแผนกวิทยาศาสตร์ เพราะตั้งใจเรียนแพทย์ ตามที่พ่อแม่ตั้งความหวังไว้ แต่กลับสอบได้เข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อเรียนรัฐศาสตร์ เพราะรู้ตัวดีว่าสอบแพทย์ไม่ได้เนื่องจากไม่ชอบวิชาเคมี ชีวะแต่กลับทำคะแนนได้ดีในวิชาภาษาไทย จึงเลือกสอบเข้าทางสาขาสังคมศาสตร์ หลักสูตร ๔ ปีแต่ใช้เวลาเรียนอยู่ ๕ ปี เพราะมัวเพลิดเพลินกับกิจกรรมนอกห้องเรียนมากกว่าวิชาการในห้องเรียน เป็นผู้นำนักศึกษาระดับประธานเชียร์คณะ หัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์มหาวิทยาลัย หัวหน้าค่ายอาสาพัฒนา ๕ มหาวิทยาลัย เป็นนักโต้วาที นักแสดง จึงได้ปริญญาในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นสิงห์แดงรุ่น ๑๕ จบแล้วทำงานเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือหมัดมวยอยู่ ๖ เดือน จึงไปเรียนต่อที่ สหรัฐอเมริกาที่ Texas A & I University ได้ดีกรี M.S.( Government & Sociology ) พ.ศ. ๒๕๑๔
กลับมาเมืองไทย แทนที่จะไปสมัครเป็นปลัดอำเภอ กลับเข้าเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ จึงกลายเป็นอาจารย์รามฯ รุ่นบุกเบิกกับเค้าด้วย อยู่รามคำแหงก็เจริญเติบโตทั้งงานด้านวิชาการและบริหาร ทางด้านวิชาการเป็นรองศาสตราจารย์ ทางด้านบริหารได้รับเลือกตั้งเป็นคณบดีคณะรัฐศาสตร์ ระหว่างปี ๒๕๒๑ - ๒๕๒๓ และได้รับเลือกตั้งเป็นอธิการบดีเมื่อปลายปี ๒๕๒๕ อายุยังไม่ครบ ๔๐ ปี กลายเป็นอธิการบดีที่หนุ่มที่สุดจนกระทั่งปี ๒๕๓๐ หลังจากเป็นอยู่ ๒ สมัย (สมัยละ ๒ ปี) จึงกลับมาเป็นอาจารย์ธรรมดา
เคยทำงานพิเศษทางการเมืองเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
( พลเอกเปรม ติณสูลานนท ์ )
อยู่ระหว่างปี ๒๕๒๔ - ๒๕๓๑
นอกเหนือจากเป็นอาจารย์แล้วยังทำงานที่เรียกว่า sideline อีกหลายอย่างเป็นคอลัมย์นิสต์, นักวิเคราะห์วิจารณ์ทางการเมือง, นักเขียน, ที่สำคัญคือนักพูดซึ่งระยะหลังกลายเป็นงานหลักไปเสียแล้ว มีทอร์คโชว์ที่เป็นผลงานสำคัญที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ ๓ ครั้งโดยใช้ชื่อว่า "
" ฮิวเมอร์ทอร์ค " เมื่อ ๒๕๔๑, ๒๕๔๓

ลาออกจากราชการก่อนเกษียณตามโครงการ Early Retire หรือเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของรัฐบาลเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๔๒ มายึดอาชีพวิทยากรอิสระ รับบรรยายตามองค์การต่างๆ ไม่ว่าจะเอกชน รัฐบาล หรือ รัฐวิสาหกิจ
ปัจจุบัน นอกเหนือจากการเป็นวิทยากรบรรยายและทอร์คโชว์ ยังวิเคราะห์การเมืองเป็นประจำจากวันจันทร์ถึงวันศุกร์อยู่ที่คลื่น ๙๕ FM เวลา ๐๖.๔๕ - ๐๖.๕๐ และ ๙๖.๕ FM เวลา ๑๐.๑๕ - ๑๐.๓๐ (กับคุณ โอวาท พรหมรัตนพงศ์) และเขียนคอลัมน์ "ยิ้มสักนิด คิดสักหน่อย" ที่นิตยสารกุลสตรี (รายปักษ์)
|
|
|
|
|