กิจกรรม วอล์คแรลลี่ Walk Rally คือ กิจกรรมกลุ่มที่กระทำควบคู่ไปกับการประชุมเชิงวิชาการเพื่อพัฒนาบุคคลากรและองค์กร ให้เหมาะสมกับบุคลากร วัฒนธรรมองค์กร และ สภาพเศรษฐกิจสังคม ในภาวะการแข่งขันอย่างสูงในเชิงธุรกิจ ในยุคปัจจุบัน โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอาศัย ทักษะ และ ศักยภาพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน หรือการสร้างผลงาน ให้เป็นที่ต้องการและยอมรับของตลาดหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ดียิ่งๆขึ้น ซึ่งจะสร้างประโยชน์ต่อองค์กรทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ลักษณะของกิจกรรม วอล์คแรลี่ Walk Rally แบ่งกว้างๆได้ 2 ลักษณะ คือ แบบกึ่งวิชาการ และ แบบสันทนาการ ทั้งสองแบบ จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีการสื่อสารสองทาง มีมุมมองและวิสัยทัศน์ที่แตกต่างออกไป และ ผสมผสานความ สนุกสนาน ตื่นเต้น ท้าทาย ความสามัคคี และ มนุษยสัมพันธ์ ด้วยกิจกรรมทดสอบทักษะ ไหวพริบ และสมรรถภาพทางร่างกายเข้าไว้ด้วยกัน
ในการกำหนดหลักสูตรหรือหัวข้อการจัดกิจกรรม นั้น โดยทั่วไป ผู้บริหารขององค์กรนั้นๆ จะทราบถึงปัญหาในการทำงานของบุคลากรภายในองค์กรดีอยู่แล้ว โดยมักจะกำหนดหัวข้อหรือความต้องการในการแก้ไขปัญหาหรือต้องการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นกว่าเดิม โดยจะขอยกตัวอย่างหลักสูตรหรือหัวข้อยอดนิยมในการจัดประชุมสัมมนา หรือ จัดกิจกรรมวอล์คแรลลี่ เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางการจัดประชุมสัมมนาเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ดังต่อไปนี้
www.วอล์คแรลลี่.com
สร้างทัศนคติต่ออาชีพนักขาย |
ทัศนคติ นั้น มีความหมายหลากหลายในรูปแบบของความรู้สึกนึกคิด เมื่อมีสถานการณ์ใดๆมากระทบ จะเกิดความรู้สึกโน้มเอียงไปในทางใดทางหนึ่ง อาจเป็นได้ทั้งความรู้สึกในเชิงลบ และ ความรู้สึกในเชิงบวก และทำให้มีการแสดงออกทางพฤติกรรมต่อความรู้สึกนั้นๆ เช่น การชอบ ก็แสดงออก ว่าชอบ อยากอยู่ใกล้ อยากร่วมด้วย และถ้าไม่ชอบ ก็แสดงออก ด้วยการไม่อยู่ใกล้ ไม่อยากยุ่ง ไม่พอใจ และความรู้สึกลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้นแบบถาวร นี่คือ คำอธิบายง่ายๆของคำว่า ทัศนคติ
สำหรับนักขายมือใหม่ หรือ นักขายทั่วไป ทัศนคติที่ดีต่องานขาย เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ยากที่สุด จึงต้องใช้แรงผลักดันอย่างมหาศาลเพื่อการเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก หรือทัศนคติ ที่มีต่ออาชีพการขายอย่างมาก
เราต้องสร้างความรู้สึกนึกคิด เปลี่ยนทัศนคติใหม่ เปลี่ยนความกลัวและความรู้สึก อับอาย ต่ำต้อย ให้เป็นความรู้สึกรักงานขาย ภูมิใจในงานขาย และแรงผลักดันที่ให้เปลี่ยนทัศนคติได้ง่ายที่สุด คือ ผลตอบแทนและรางวัลพร้อมความภาคภูมิใจจากการประสบความสำเร็จในการขาย
ในทุกวงการ ทุกสาขาอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพนักขาย คนที่มี ทัศนคติทางบวกจะมองเห็นแต่โอกาส ขณะที่คนที่มีทัศนคติทางลบจะมองเห็นแต่ปัญหา และไม่สามารถก้าวผ่านปัญหานั้นเพื่อประสบความสำเร็จกับอาชีพนักขายได้เลย
นักขายที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีทัศนคติทางบวก ซึ่งต้องสร้างจากภายใน เพราะถ้าไม่มีทัศนคติที่ดีอยู่ภายในใจแล้วก็จะไม่แสดงออกมาภายนอกได้
ยกตัวอย่าง เช่น เซลล์นักขายขายประกัน ทำไมบางคน ถึงกล้าเปิดเผยตัวเองด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจว่าขายประกัน ใครถาม ก็ตอบทันทีว่า ขายประกัน บางครั้งยังไม่ต้องถามก็รีบบอกก่อนแล้วด้วย กับอีกคนหนึ่งไม่กล้าบอกใครด้วยซ้ำว่า ขายประกัน คงจะแอบๆขาย ไม่แน่ใจว่าจะมีใครช่วยแอบๆซื้อบ้างหรือเปล่า ในเมื่อตนเองยังไม่มีทัศนคติที่ดีต่องานขายประกัน ยังไม่เชื่อว่างานที่ตนเองทำอยู่ดูดี น่าภูมิใจ คงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะพูดหรือเจรจาให้ลูกค้าสนใจหรือซื้อประกันจากเราได้ แต่ถ้าหากนักขาย หรือเซลล์ขายประกันมีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพตนเอง ต่ออาชีพนักขาย จะสามารถประสบความสำเร็จสร้างรายได้อย่างดงามแก่ตนเอง
หลักสูตรการสร้างทัศนคติต่ออาชีพนักขายจำเป็นต้องใช้ความเชียวชาญจากมืออาชีพหรืออาจารย์วิทยากรผู้เชี่ยวชาญชำนาญการเพื่อปลุกระดมจิตใจของนักขายให้มีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพงานขายของตน
|
|
|
อาจารย์วิทยากรผู้ชำนาญหลักสูตรนี้ |
|